Tweets in Worldwide
Cute maids are waiting for you ^w^ 💋💋💋 Ishtar: @shadory_cos 🥰
22
Ereshkigal and Ishtar. Two goddesses of equivalent existence, or perhaps a divinity divided from what was once a single entity. ✨My adorable Ishtar @michi_kyunn 📸Photo & Retouch @Andreyrennell #FGO# #fatecosplay# #Ereshkigal# #Ishtar# Check comments ⏬
Show more
22
แด่นักลงทุน... ผู้ไม่กลัวความสูง รวมมาให้กองทุนสาย Bitcoin 🚀 ในจังหวะที่ราคา To the Moon ลุ้น ✨ 100,000 เหรียญ ปัจจุบันเราสามารถลงทุน Bitcoin ผ่านกองทุนรวมของไทยได้แล้ว ทั้งการลงทุนโดยตรงผ่าน Bitcoin ETF รวมถึงการลงทุนทางอ้อมผ่านธุรกิจที่เกี่ยวข้องและมีรายได้จาก Bitcoin, Digital Assets อื่น ๆ และ Blockchain จึงสรุปมาให้ดังนี้ กลุ่มแรก 🔥 กองทุนไทยที่ลงทุนตรงใน Bitcoin ETF 1️⃣ MBTCETF-UI กองทุนที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของ iShares Bitcoin Trust (กองทุนหลัก) ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ซึ่งเน้นลงทุนโดยตรงใน Bitcoin 2️⃣ ONE-BTCETFOF-UI กองทุนที่ลงทุนใน Bitcoin ETF ตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป โดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ได้แก่ iShares Bitcoin Trust และ Fidelity Wise Origin Bitcoin Fund (หมายเหตุ: MBTCETF-U และ ONE-BTCETFOF-UI เป็นกองทุนที่ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย | กองทุนรวมที่เสนอขายผู้ลงทุนสถานบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ | กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน) ... กลุ่มที่ 2 ✨ กองทุนที่ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลและบล็อกเชน 1️⃣ ASP-DIGIBLOC ลงทุนผ่านกองทุนหลัก VanEck Digital Transformation ETF ที่สัดส่วนประมาณ 47% ซึ่งเน้นลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับบล็อกเชน และได้รับประโยชน์จากการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัล ส่วนที่เหลือจะเลือกลงทุนหุ้นรายตัวเข้ามาเสริมในพอร์ต เช่น Nvidia, MicroStrategy, MARA Marathon Digital 2️⃣ SCBBLOC(A) เป็นกองทุนที่มีนโยบายบริหารแบบ Passive ผ่านกองทุนหลัก Invesco CoinShares Global Blockchain UCITS ETF ซึ่งจะกระจายการลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับบล็อกเชน และอุตสาหกรรมคริปโตฯ 3️⃣ KT-BLOCKCHAIN-A ลงทุนใน ETF ที่เกี่ยวข้องกับบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล ได้แก่ Amplify Transformational Data Sharing ETF และ The Siren Nasdaq NexGen Economy ETF
Show more
0
อยากเล่าให้ฟัง... ✨ กลยุทธ์ใหม่ของ Finnomena ซึ่งเป็น Private Call ลับเฉพาะนักลงทุนของเราเท่านั้น!🎯 ด้วยโมเดล Robotic Investment (ROBIN) กำหนดจุดซื้อ-จุดขายเป็นระบบ ✅ ผ่านการทำ Live Test ที่ Win Rate สูงถึง 88% จะว่าเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่นักลงทุนก็ได้ กับการเปิดตัว Private Call กลยุทธ์การลงทุนใหม่ด้วยระบ Robotic Investment (ROBIN) สำหรับผู้ลงทุน Private Wealth & Ultra ของ Finnomena ✨ ความน่าสนใจของระบบ ROBIN คือ เป็นระบบแจ้งสัญญาณการลงทุนโดยใช้การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคกำหนดจุดซื้อและจุดขาย เพื่อสร้างกลยุทธ์การลงทุนอย่างเป็นระบบ (Systematic) ช่วยลดอคติที่เกิดจากการตัดสินใจของมนุษย์ 🔥 สินทรัพย์เป้าหมายของการทำระบบแจ้งเตือนสัญญาณ จะอยู่ในรูปแบบของดัชนีหรือกองทุน ETF ที่มีกองทุนรวมในไทยนำเงินไปลงทุนหรือมีความเคลื่อนไหว (Correlation) ใกล้เคียงกัน เช่น ดัชนี S&P 500, NASDAQ 100, Russell 2000, และ SPDR Select Sector Fund – Financial (XLF) เป็นต้น ทุกกลยุทธ์ได้ผ่านการทดสอบย้อนหลัง (Backtesting) 10 ปี และมีการทำ Forward Test (Live) ผ่านการทดสอบนัยสำคัญทางสถิติ ผลตอบแทนคิดแบบหลักหักค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย (net of fee) ในการทำ Backtesting ✅ เหมาะกับนักลงทุนที่มุ่งหวังผลตอบแทนระยะสั้นถึงกลาง (1-3 เดือน) ROBIN ใช้ตัวชี้วัดหลัก 2 ตัว 1️⃣ Win Rate ยิ่งสูงเท่าไหร่ หมายความว่ายิ่งมีโอกาสได้กำไรมากขึ้น 2️⃣ Profit Factor หากมากกว่า 1 แสดงว่าได้กำไรมากกว่าขาดทุน ยิ่งค่านี้สูงก็ยิ่งดี ตัวอย่างกลยุทธ์ของ ROBIN และสถิติ Win Rate - Profit Factor จากการทำ Backtest 10 ปี ✨ กลยุทธ์ Market Breadth กับดัชนี S&P 500 ใช้หลักการจับจังหวะเข้าซื้อในตลาดที่มีแนวโน้มขาขึ้นระยะยาว ถึงแม้ว่าในระยะสั้นภาพรวมหุ้นในตะกร้าดัชนีแสดงแนวโน้มขาลง - Win Rate 76% - Profit Factor 2.6 ✨ กลยุทธ์ CABB กับ iShares Global Clean Energy UCITS ETF (INRG) การเข้าซื้อ/ขายออกด้วย Bollinger Band สามารถทำได้ทั้งในลักษณะ Contrarian (ซื้อเมื่อราคาแตะขอบล่าง ขายเมื่อราคาแตะขอบบน) หรือ Trend Following (ซื้อเมื่อราคาแตะขอบบน ขายเมื่อราคาแตะขอบล่าง) - Win Rate 65% - Profit Factor 3.2 ✨ กลยุทธ์ WVF Reversion กับ Invesco Leisure and Entertainment ETF (PEJ) มองหาจุดกลับตัวของราคา โดยสังเกตเมื่อ WVF มีค่าเพิ่มสูงขึ้น เพราะอาจเป็นสัญญาณว่าราคาสินทรัพย์นั้น ๆ ลดลงจนถึงระดับต่ำและอาจจะกลับขึ้นไปอีกครั้ง ซึ่งเป็นโอกาสในการซื้อในราคาต่ำ - Win Rate 77% - Profit Factor 3.5 🔥 สถิติจากการ Forward Test โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2024 เกิดสัญญาณซื้่อทั้งหมด 9 ครั้ง สามารถสร้างผลกำไรได้ 8 ครั้ง คิดเป็นอัตรา Win Rate ที่ 88.89% Profit Factor 17.53 *กำไรสุทธิจาก Forward Test คำนวณโดยใช้สมมติฐานค่าธรรมเนียมขาเข้าที่ 1.5% โดยบวกรวมเข้าไปในราคาซื้อ (Price In) ของดัชนีหรือกองทุนนั้น ๆ *ตารางผล Forward Test แสดงเฉพาะเทรดที่ขายออกและรับรู้ผลกำไร/ขาดทุนแล้วเท่านั้น ✅ ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2024 ได้เกิดสัญญาณแรกแล้ว เป็น “จังหวะเข้าซื้อ” SPDR Finance สามารถติดตามคำแนะนำแบบเต็ม ๆ ได้ที่ Opportunity Hub ของ Finnomena 👉
Show more
0